7.1. ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในลุ่มแม่น้ำโขงเป็นข้อตกลงสาขาคมนาคมขนส่งภายใต้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cooperation: GMS) ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Cross-Border Transport Agreement: CBTA)” ครอบคลุมการขนส่งสินค้า ผู้โดยสาร และส่งเสริมการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ โดย GMS ได้มีการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ (Economic Corridor) ที่มีความสำคัญในการเชื่อมโยงเมียนมากับประเทศไทยไว้หลายช่องทางด้วยกัน โครงข่ายเส้นทางเชื่อมโยงกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง
7.2. ช่องทางการขนส่งในประเทศช่องทางในการขนส่งสินค้าของเมียนมา เพื่อการส่งออกไปต่างประเทศโดยเน้นสินค้าที่มีขนาดใหญ่และมีปริมาณมาก เช่น การขนส่งทางถนน
ปัจจุบันการขนส่งสินค้าโดยใช้เส้นทางรถยนต์ยังคงเป็นเส้นทางการคมนาคมที่นิยมมากที่สุดภายในประเทศเมียนมา ปริมาณการขนส่งสินค้าภายในประเทศเมียนมาเกินกว่าครึ่งหนึ่งเป็นการขนส่งสินค้าทางถนน ส่วนที่เหลือจะเป็นการขนส่งสินค้าทางน้ำและทางรถไฟตามลำดับ
การขนส่งทางรถไฟ
ในปัจจุบันเมียนมามีเส้นทางรถไฟภายในประเทศเป็นระยะทางรวมกว่า 5,830 กิโลเมตร มีศูนย์กลางการเดินรถไฟอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง เส้นทางสายหลัก คือ สายย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์ มีระยะทางประมาณ 617 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นทางและขบวนรถไฟที่ได้มาตรฐานที่สุดของประเทศ ในเส้นทางนี้รถไฟจะสามารถใช้ความเร็วสูงสุดประมาณ 75 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปัญหาของการขนส่งทางระบบรางในเมียนมา คือ ส่วนใหญ่เป็นรางเดี่ยว (ยกเว้นเส้นทางสายย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์) และใช้รางขนาดเล็กทำให้วิ่งได้ช้า การขนส่งทางน้ำ
เนื่องจากพื้นที่ทางตอนเหนือและภาคกลางของสหภาพเมียนมาที่ไม่มีพื้นที่ส่วนใดติดกับทะเล จึงทำให้การขนส่งวัตถุดิบหรือสินค้าทางทะเลไปยังพื้นที่ดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยการคมนาคมทางรถยนต์หรือทางน้ำร่วม โดยมีแม่น้ำที่สำคัญ 4 สาย คือ แม่น้ำอิระวดี (Ayeyarwaddy), แม่น้ำสาละวิน (Thanlyin), แม่น้ำสะโตง (Sittaung) และแม่น้ำชินวิน (Chindwin) ซึ่งมีท่าเรือตามริมแม่น้ำ (River port) กระจายอยู่ในแต่ละรัฐ จำนวน 218 แห่ง ปัญหาของการขนส่งทางแม่น้ำ คือ ไม่สามารถใช้เรือขนส่งระวางมากกว่า 1,000 ตันได้ ต้องพัฒนาระบบขนถ่ายสินค้าให้ทันสมัย ให้ใช้ตู้คอนเทนเนอร์ได้ และต้องพัฒนาผู้ประกอบการโลจิสติกส์และคลังสินค้า ให้สามารถรับสินค้าต่อเนื่องจากท่าเรือน้ำลึกได้ การขนส่งทางทะเล
ในปัจจุบันมีท่าเรือขนส่งสินค้าทางทะเล จำนวน 9 ท่า โดยมีท่าเรือย่างกุ้ง เป็นท่าเรือน้ำลึกขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมา มีอัตราการใช้ขนส่งสินค้ามากถึงร้อยละ 90 ของปริมาณการขนส่งทางทะเลทั้งหมด และยังมีท่าเรือขนส่งทางทะเลอื่นๆ ที่สำคัญดังรูป
ท่าเรือหลักตามชายฝั่งทะเลของเมียนมา
7.3. การเชื่อมโยงกับระบบขนส่งมายังประเทศไทยประเทศไทยมีชายแดนติดต่อกับเมียนมามากที่สุดเป็นระยะทาง 2,096 กม. โดยมีจังหวัดชายแดนจำนวน 10 จังหวัด รัฐบาลไทยมีการพัฒนา และมีโครงการเชื่อมโยงระบบขนส่งผ่านชายแดน ไปยังเมียนมาหลายเส้นทางด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีท่าเรือที่มีความสำคัญในการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ท่าเรือเชียงแสน ท่าเรือเชียงของ ท่าเรือระนอง เป็นต้น โครงการเชื่อมโยงระบบขนส่งชายแดนของไทยเข้ากับประเทศเพื่อนบ้าน
7.4. พื้นที่การลงทุน ประเทศเมียนมา มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรทางธรรมชาติ เช่น ทรัพยากรทางทะเล แร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะเหล็ก ทองแดง อุดมไปด้วยป่าไม้และแม่น้ำใหญ่หลายสาย มีแรงงานจำนวนมาก เหมาะกับการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน และอุตสาหกรรมที่ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานไฟฟ้ามากนัก มีเขตลงทุนที่สำคัญดังนี้
7.5. ด่านชายแดน เนื่องจากประเทศเมียนมาและประเทศไทยมีพรมแดนติดต่อกันเป็นแนวยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้จึงมีด่านชายแดนหลายแห่ง ซึ่งด่านชายแดนที่มีศักยภาพ ได้แก่ ด่านแม่สอด (จังหวัดตาก), ด่านระนอง ซึ่งเป็นการขนส่งทางเรือซึ่งการค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าประมง , ด่านแม่สาย (จ.เชียงราย) และด่านบ้านพุน้ำร้อน (จ.กาญจนบุรี)
7.6. เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนของไทยรัฐบาลไทยมีนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 2 รูปแบบ คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรเพื่อสนับสนุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และได้วางนโยบายพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจเชื่อมโยงกับประชาคมอาเซียน เพื่อส่งเสริมศักยภาพเมืองประตูการค้าชายแดนและเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษ 10 จังหวัด 12 พื้นที่ ดังนี้ ระยะแรก : มี 6 พื้นที่ (ปี 2557 – 2558) : 1) แม่สอด จ.ตาก 2) จ.มุกดาหาร 3) อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 4) จ.ตราด 5) อ.สะเดา จ.สงขลา 6) จ.หนองคาย
เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนของไทย 7.7. เส้นทางขนส่งแร่มายังประเทศไทยสำหรับแหล่งแร่ดีบุก ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ทางใต้ของเมียนมา ส่วนใหญ่เมื่อนำเข้ามาจะต้องส่งไปถลุงที่โรงถลุงไทยซาร์โก้ ที่จังหวัดภูเก็ต ดังนั้นการขนส่งแร่จึงเป็นการขนส่งทางเรือเดินทะเล แหล่งแร่พลวงที่พบบริเวณทางใต้ของประเทศ ในรัฐ Mon และ Kayin แหล่งแร่ดีบุกและถ่านหินที่พบใกล้ชายแดนไทย และแหล่งหินปูนอุตสาหกรรมในภาคใต้ของเมียนมา อาจจะใช้เส้นทางถนนจากทวาย-ประจวบคีรีขันธ์ ผ่านทางด่านสิงขร หรือใช้เส้นทาง R1 (ทวาย-บ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี)
7.8. สรุปและข้อเสนอแนะสรุปปัญหาทางกายภาพการขนส่ง
1) รถยนต์โดยสารและรถบรรทุกในประเทศเมียนมามีพวงมาลัยอยู่ด้านขวา แต่ในกฎจราจรในการขับขี่ได้กำหนดให้รถยนต์ทุกคันขับชิดเลนด้านขวา ซึ่งหากผู้ขับรถต้องการขับแซงรถคันหน้าต้องแซงด้านซ้ายมือซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายมาก (ที่มา : www.skhdt.binhdinh.gov.vn, 2016) สรุปปัญหาทางกายภาพการขนส่ง
1) การขนส่งทางถนน มีปัญหาเส้นทางสภาพถนนเชื่อมต่อด่านชายแดน เสื่อมสภาพ และการจราจรแออัด ส่วนบริเวณพื้นที่บริเวณรอบประตูการค้า ขาดการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งข้ามแดน และมีปัญหาป้ายจราจร (ที่มา : www.emergingequity.org, 2015) |
|